THE MASK SINGER หน้ากากนักร้อง
THE MASK SINGER หน้ากากนักร้อง
The Mask Singer ภาษาไทย เดอะ แมสค์ ซิงเกอร์ หน้ากากนักร้อง คือ รายการเรียลลิตี้โชว์ด้านการร้องเพลง เพื่อเฟ้นหานักร้องคุณภาพ นักร้องที่เข้าร่วมการแข่งขันจะซ่อนตัวตนภายใต้หน้ากาก หน้ากากบดบังได้เพียงตัวตน แต่ความสามารถ พลังเหนือขีดจำกัดจะทะลุทะลวง ออกมาจากหน้ากากของเขา เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันร้องเพลง ที่ไม่ได้เน้นหน้าตา อาชีพ อายุ เน้นคัดเพียงเสียงร้องเท่านั้น จึงทำให้ต้องใส่หน้ากากปกปิด เพื่อไม่ให้มีผลในการโหวต
รายการ King of Mask Singer ต้นฉบับจากประเทศเกาหลีใต้ แพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์และวิทยุ MBC (Munhwa Broadcasting Corporation) King of Mask Singer เผยแพร่ภาพครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เม.ย 2558 บริษัท Workpoint ได้รับลิขสิทธิ์ เป็นผู้ผลิตรายการ The Mask Singer จะเริ่มออกอากาศ ทางทีวีช่อง 23 Workpoint โดยเริ่มออกอากาศ ตอนแรกในเดือน ตุลาคม 2559
The Mask Singer หน้ากากนักร้อง หรือ เดอะแมชซิงเกิล หน้ากากนักร้อง เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทเรียลลิตี้เกมโชว์และมิวสิกโชว์ โดยซื้อลิขสิทธิ์รูปแบบรายการ “Miseuteori Eumaksyo Bokmyeon-gawang” (เกาหลี: 미스터리 음악쇼 복면가왕) (อังกฤษ: Mystery Music Show: King of Mask Singer) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการ “Ilbam” (เกาหลี: 일밤) (อังกฤษ: Sunday Night) ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท Munhwa Broadcasting Corporation (MBC) จากประเทศเกาหลีใต้[1]
นำมาทำเป็นรูปแบบรายการของประเทศไทย ผลิตรายการโดยบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เริ่มออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559[2] แล้วออกอากาศอยู่จนถึงปัจจุบัน ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 – 21.45 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ (โทรทัศน์ระบบดิจิตอลหมายเลข 23) ดำเนินรายการโดย กันต์ กันตถาวร (ฟลุค)[3] โดยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทางสถานีได้นำรายการกลับมาออกอากาศอีกครั้งโดยเป็นการรีรันเทปแรกมาออกอากาศอีกครั้ง เนื่องมาจากการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จึงทำให้รายการต้องงดออกอากาศตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยจะเป็นการออกอากาศเทปปกติในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้
รูปแบบและกติกาของรายการ
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 32 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงทั้งสิ้น [4](ในตอนแรกทางรายการบอกจำนวนผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 24 คน 24 หน้ากาก) จะต้องต้องปกปิดตัวตนของพวกเขาภายใต้การสวมใส่หน้ากากทั้ง 32 หน้ากาก และเครื่องแต่งกายที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ภายใต้ข้อสัญญาที่ทำไว้ร่วมกับทางรายการอย่างเข้มงวดในการเข้าร่วมการแข่งขันกับรายการ โดยจะต้องออกมาแข่งขันร้องเพลงภายใต้ตัวตนที่ปกปิดและซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะจากคะแนนเสียง (โหวต) ของกรรมการและผู้ชมในห้องส่งที่ใช้ในการตัดสิน จะได้ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่แพ้ จะต้องยินยอมเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากออกมา โดยจะทำการแข่งขันเช่นนี้จนได้ผู้ชนะของทั้ง 4 กลุ่ม สุดท้ายจะต้องมาแข่งขันตัดสินกันเพื่อหา “The Mask Singer” คนแรกของประเทศไทย[3][5]
การแบ่งกลุ่มการแข่งขัน
การแข่งขันของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 32 คน จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม (กลุ่ม A, กลุ่ม B, กลุ่ม C และกลุ่ม D) [6]กลุ่มละ 8 คน (ในตอนแรกทางรายการบอกจำนวนกลุ่มมีแค่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม A, กลุ่ม B และ กลุ่ม C) ซึ่งจะถูกจับคู่ในการแข่งขัน 4 คู่ (คู่ละ 2 คน) โดยการออกอากาศในแต่ละครั้งจะแข่งขันกัน 2 คู่ ใน 1 กลุ่ม ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะจะได้ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป โดยในรอบถัดไปนั้นจะทำการแข่งขันกัน 2 คู่ (คู่ละ 2 คน) หลังจากนั้นจะเป็นรอบตัดสินของแต่ละกลุ่ม โดยจะทำการแข่งขันกันเพียง 2 คน ที่เป็นผู้ชนะจากในรอบก่อนหน้า โดยในรอบนี้ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะ จะได้รับเป็นตัวแทนกลุ่มของแต่ละกลุ่มมาแข่งขันกันในรอบชิงชนะนะเลิศเพียง 4 คน เพื่อหา “The Mask Singer” ซึ่งเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียวและคนแรกของประเทศไทย
ลักษณะการแข่งขัน
รอบเปิดตัวผู้เข้าแข่งขัน
ทางรายการจะให้ชมวีทีอาร์ (VTR) เล่าถึงที่มาของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก่อน (โดยให้ชมเพียง 2 คน ต่อ 1 รอบการแข่งขัน) ซึ่งในวีทีอาร์ผู้เข้าแข่งขันต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงตัวหน้ากากและเครื่องแต่งกายที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะด้วย ภายใต้ข้อสัญญาที่ทำไว้ร่วมกับทางรายการอย่างเข้มงวดในการเข้าร่วมการแข่งขันกับรายการ หลังจากนั้นจะเปิดตัวผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนในสภาพที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงเช่นเดียวกัน ต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชมในห้องส่งทั้ง 2 คน
รอบแข่งขันร้องเพลง
ผู้ดำเนินรายการจะแจ้งชื่อเพลงและศิลปินที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะใช้ในการแข่งขัน หลังจากนั้นผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะต้องแข่งกันร้องเพลงดังกล่าวจนจบเพลงทั้ง 2 คน แล้วจึงเริ่มทำการปรึกษา,วิเคราะห์ และทายตัวตนของผู้เข้าแข่งขันจากคณะกรรมการทั้ง 7 คน
รอบลงคะแนนเสียง
คณะกรรมการทั้ง 7 คน และผู้ชมในห้องส่งทั้ง 169 คน จะต้องทำการลงคะแนนเสียงให้กับผู้เข้าแข่งขันในรอบการแข่งขันนั้น ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น (จาก 2 คนที่มีให้เลือกต่อ 1 รอบการแข่งขัน) โดยผู้ชมในห้องส่งนั้นจะทำการลงคะแนนผ่านสมาร์ตโฟนจากผู้สนันสนุนของรายการ หลังจากนั้นทางรายการจะรวบรวมคะแนน แล้วประกาศผลการตัดสินหลังจากรอบซักถามเสร็จสิ้นลง โดยเกณฑ์การให้คะแนนมีดังนี้
กลุ่มที่ให้คะแนน | จำนวนคน | จำนวนคะแนนต่อคน | รวม | รวมคะแนนทั้งหมด |
---|---|---|---|---|
คณะกรรมการ | 7 | 10 | 70 | 239 |
ผู้ชมในห้องส่ง | 169 | 7 | 169 |
รอบซักถาม
คณะกรรมการทั้ง 7 คน และผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมีเวลาให้ 2 นาที ในการสนทนาหรือให้คณะกรรมการซักถามต่อผู้เข้าแข่งขันคนนั้น ๆ เพียงคนเดียว หลังจากที่หมดเวลาไปแล้วคณะกรรมการจะต้องสนทนาหรือซักถามกับผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่งทันที โดยผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวห้ามแสดงกิริยา น้ำเสียง และการพูดที่บ่งบองถึงเอกลักษณ์อันเป็นตัวตนที่แท้จริงของตนเด็ดขาด แต่สามารถพูดโดยดัดแปลงเสียงพูดหรือดัดแปลงกิริยาท่าทางให้ต่างจากที่ตัวของผู้เข้าแข่งขันเองคุ้นเคยได้ และในการซักถามของคณะกรรมการ ผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวสามารถพูดเรื่องจริงหรือพูดในเรื่องโกหกได้เช่นกัน
รอบตัดสิน
ผู้ดำเนินรายการจะประกาศผลการตัดสินในการแข่งขันแต่ละรอบ ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดจาก 1 ใน 2 คน ได้คะแนนเสียงจากกรรมการและผู้ชมในห้องส่งที่มากกว่าผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่ง จะได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป โดยที่ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ในตอนนี้ ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่แพ้ จะต้องยินยอมเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากออกมา และจะมีการสนทนากับคณะกรรมการในภายหลัง เป็นอันสิ้นสุดการแข่งขันในหนึ่งรอบ